lifestyle - makeup
fashion
by HELLOXNINI

Wednesday, April 23, 2014

Japan : พาชิม ราเม็งข้อสอบ Ichiran Ramen

ก่อนอื่นต้องบอกว่าตอนที่นิอยู่ญี่ปุ่น
กิจกรรมส่วนใหญ่ก็คือ กิน ทัวร์ชิม แ_ก แหลก!!
อานิสงส์จากรูมเมทนักกินอีก ก็เลยนน.ขึ้นตอนกลับมาถึง 7 กก. (กลิ้งกลับ)

ส่วนวันนี้นินิพาชิม จะพาไปร้านราเม็งยอดฮิต (เชื่อว่าคนไทยที่ไปญี่ปุ่นต้องไปโดนมาแล้วแน่ๆ)
ชื่อร้าน "อิจิรันราเม็ง" หรือมีฉายาว่า "ราเม็งข้อสอบ"


ทำไมถึงเรียกว่า "ราเม็งข้อสอบ" ?
ก็เป็นเพราะว่า ราเม็งที่ร้านนี้มีอยู่แค่เมนูเดียว พอสั่งแล้วก็จะได้ไปนั่งที่โต๊ะ
ซึ่งมีที่กั้นฉากๆ (อารมณ์ว่าห้ามลอกกันนะ?) 
ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้มีสมาธิในการลองลิ้มชมรสกันอย่างเต็มที่
และขั้นตอนการสั่งก็คือให้กระดาษมาวง ความเข้มข้นของซุป รสชาติ เส้น (เหมือนการทำข้อสอบ)
ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ "ราเม็งข้อสอบ"





อิจิรันราเม็ง
นั้นเปิดกิจการมานานแล้ว ที่ร้านนั้นจะมีราเม็งอยู่แค่เมนูเดียว
คือ ใช้น้ำซุป ทงคัตสึ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของร้าน
พร้อมด้วย หมูชาชูสูตรอร่อย
และน้ำซอสสูตรลับ(ซอสเผ็ด)เพิ่มรสชาติ ทำให้ราเม็งร้านนี้ถูกปากชาวไทย และนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก

โอย พูดแล้วก็น้ำลายไหล คิดถึงน้ำซุปหอมๆเผ็ดๆหน่อยๆ 

นี่เป็นหน้าร้านนะคะ
(ร้านจะเป็นสีแดงๆ ไม่ค่อยมีหน้าร้านใหญ่ เกือบทุกสาขาจะร้านเล็ก อยู่ในหลืบๆ)

สาขา Ikebukuro


อันนี้สาขา ชินบาชิ (เดินลงไปกินชั้นใต้ดิน)
เข้าไปในร้านก็จะเจอตู้กดอัตโนมัติ
หรือบางสาขา ถ้าคนเยอะจะมีบอร์ดให้ดูว่าที่นั่งตรงไหนว่าง (ว่างจะมีไฟขึ้น) 
และอาจมีห้องสำหรับกิน 3-4 คนด้วย

อันนี้ตู้กดสั่งอาหารอัตโนมัติค่ะ
สะดวกดี ใส่เงินแล้วกดเลือกว่าจะเอาอะไรบ้าง แล้วคอยรับตั๋วออกมาแล้วไปยื่นให้พนักงานตรงที่นั่ง


ขั้นตอนการสั่ง
1. ใส่เงินเข้าไป กดเลือกราเม็ง (แบบธรรมดา 790 เยน แบบเติมเส้นได้ 950 เยน)
*** แบบเติมเส้น ขอย้ำไว้ ณ ที่นี้นะคะว่า มันเติมแค่เส้น น้ำซุปไม่เติม 555 
เพราะฉะนั้นให้เหลือน้ำซุปไว้กินกับเส้นด้วยค่ะ***
2. กดเลือกเครื่องเคียงเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะใส่ไข่ต้มและชาชูไปเพิ่มค่ะ แซ่บเว่อร์ บอกเลย
3. รับตั๋ว และหมุนเอาเงินทอนค่ะ


น้ำไม่จำเป็นต้องสั่งนะคะ เพราะจะมีก๊อกน้ำชาเย็นๆ บริการอยู่ทุกโต๊ะ
กดรินใส่แก้วเองตามสบาย หรือใครพกขวดเปล่าก็แอบไปจิ๊กน้ำดื่มกลับได้...

บรรยากาศในร้าน
ช่องใครช่องมัน ซดกันตามสบาย


เพื่อนรูมเมทกับรูมเมทที่ไปด้วยกัน

อันนี้ที่โต๊ะค่ะ

พอไปถึงที่นั่ง พนักงานจะเอาข้อสอบมาให้ทำ (เลือกรายละเอียดของราเม็ง)
ไม่เข้าใจภาษายุ่น ก็ขอภาษาปะกิดมาได้ค่ะ
ถ้ายังไม่คล่องปะกิด นิมีแบบแปลไทยมาฝากด้วยเลย


สำหรับคนที่ไม่เคยมากิน ทางร้านแนะนำให้เลือกแบบปกติทั้งหมด
ส่วนนิชอบเผ็ดๆ ค่ะ เลยใส่ซอสสูตรลับ ระดับ 6-8 อยู่บ่อยๆ
และเลือกแบบน้ำมันน้อย จะได้ไม่เลี่ยน
เลือกเสร็จก็กดเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ค่ะ

นี่ตอนกินครั้งแรก เลือกปกติหมดไม่สะใจ

วันนี้ระดับ 5

ส่วนรอบสุดท้ายที่ไปกิน เลือกระดับ 10 
สีโหดร้ายมากกกก


แต่ก็อร่อยนะคะ แซ่บๆ เหมาะกะคนไทย

ตอนไปกินกะเพื่อนค่ะ

เพื่อนเลือกแบบเติมเส้นคือตลกมาก สั่งแบบเติมเต็มจาน
คือที่ร้านให้เส้นเยอะมาก กินจนผมจะเป็นราเม็ง

ที่สั่งมาระดับ 10

ก็หมดอยู่ดี 5555+


ส่วนถ้าใครติดใจรสชาติ จะซื้อแบบสำเร็จรูปกลับไปต้มกินเองที่บ้านก็ได้นะคะ
มีแบบ เป็นเส้น แยกกับเครื่องปรงไปทำกินเองได้ค่ะ
ราคาอยู่ที่ 700 เยน/ชุด   3ชุด 2,000 เยน
มันจะอยู่ข้างๆฉากกั้นโต๊ะค่ะ สั่งแล้วเรียกพนักงานมาได้เลย


อิจิรัน ราเม็งมีอยู่ 83 สาขาในญี่ปุ่นนะคะ แต่ไม่มีสาขาที่ฮอกไกโด!
(ใครก็ได้เอามาเปิดที่ไทยที!!)

สามารถดูว่ามีสาขาที่ไหนตามนี้ค่ะ


ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ไปลองทานกันนะคะ
ตั้งแต่กินราเม็งที่ญี่ปุ่นมา นิชอบทานร้านนี้มากที่สุดแล้วค่ะ
แนะนำๆ :D


ps. ยังมีอีกหลายอย่างที่อยากพาไปชิม เดี๋ยวมาเขียนเล่าอีกทีนะคะ

xoxo




Make up: Cheon Song-Yi แปลงร่างเป็นชอนซงอี !

อันยองฮาเซโย
ชอนซงอีกาแรพพู ฮันดา ซ งซ ง ซ ง !!


สวัสดีค่ะ
วันนี้นิกลับมาทำ how to ในลุคของ ซุปตาร์ ชอนซงอี จากหนังสุดฮิต You who came from the star
หรือ My love from the star ค่ะ

เพิ่งจบไปเมื่อวานเลย T^T

โทแมเนเจอรรรร์!!!!!


ที่นิเลือกแต่งลุคนี้เพราะว่า นั่งดูหนังแล้วสะดุดกับเมคอัพของจวนจีฮุนมากค่ะ
คือดูใสๆน่ารัก สดใสเข้ากะคาแรคเตอร์ตัวละครดี (ชอบนิสัยนางมาก ฮาสุดๆ)


น่ห์ ของลุคนี้นะคะ อยู่ตรงที่ เมคอัพจะดูธรรมชาติมาก เหมือนไม่ได้แต่ง
ส่วนใหญ่ลุคของนางเอกเกาหลีจะแต่งให้ดูใสๆ ไม่ดูเหมือนโบกมาหนา และสามารถใช้แต่งในชีวิตจริงได้ค่ะ





(อันนี้เวอร์ชั่นผ่านการปรับแสงนะคะ 5555+ )





ก่อนอื่นมาดู Before- After
ชอนซงอีกว่าจะมาได้ขนาดนี้ ดูค่ะ....





อุปกรณ์




1. smooth e cream
2. innisfree olive real essential oil
3.Laneige Snow Cushion BB Cream #21
4. Za Perfect Fit Concealer #02
5. YSL la teint touche eclat highlighter pen #2
6. NYC Bronzer
7. Maybelline eyebrow mascara #5dark brown
8. La Rose de Versailles black eyeliner pen
9. In2it waterproof gel liner #brown
10. KATE eyebrow palette ex-4
11. Maybelline Bold Matte #1
12. Etude Dear my Crystal gloss #cor201
13. Maybelline the Falsies Volume express
14. Cezanne Silk Touch Cheek #03



เริ่มจากลงครีมบำรุง นิใช้สมูทอี นะคะ
โบกครีมให้ชุมทั่วหน้าและคอ
สิ่งสำคัญของการแต่งหน้าลุคสาวเกาหลีคือ ผิวต้องชุ่มไว้ก่อนเลยค่ะ
ลงบำรุงให้เยอะๆเข้าไว้ :D





เนื่องจากนิเป็นคนที่ หน้า แห้ง มาก ถึงที่สุด เลยต้องพึ่งอีก 1ตัวช่วย คือ น้ำมันมะกอกค่ะ
นิใช้ของ innisfree ตัวนี้นะคะ ใช้ 5 หยด ทาให้ทั่วใบหน้า
ใครชอบหน้าวาวๆ อาจจัดยี่ห้ออื่นก็ได้ค่ะ ตัวนี้ทาแล้วไม่มันมากเท่าไหร่ แต่นิชอบส่วนตัวค่ะ อิอิ ^^





ส่วนนี้ผิวหลังลงน้ำมันมะกอก อยากจะซูมให้ดูค่ะ 

ชุ่มฉ่ำมากค่ะ


บำรุงกันเสร็จแล้วก็ตามด้วยทา BB Cream ของ ​Laneige ลูกรักค่ะ ตลับสองละ
ตบๆ ให้ทั่วใบหน้า จะได้ลุคใสๆ ไม่หนาเหมือนโบกค่ะ สบายหน้าด้วย







แล้วก็มากลบรอยต่อยใต้ตากันนะคะ เอ๊ย รายแพนด้าของเราชาวสมาคมซีรี่ย์นะคะ ดูกันเป็นร้อยๆเรื่อง
ไม่หลับไม่นอนก็ได้บทลงโทษมาเป็นเช่นนี้แล..
ลงด้วยคอนซีลเลอร์ของ ZA ค่ะ
ค่อยๆใช้นิ้วแปะๆ กลบรอยดำนะคะ อย่าลาก อย่าถู จำไว้ว่ากดเบาๆ





หลังจากนั้น หากใครเป็นคนหน้ามัน ให้ทาแป้งฝุ่นใท้ทั่วหน้านะคะ
ส่วนนิเป็นคนหน้าแห้งมาก จึงขอข้ามขั้นตอนลงแป้งฝุ่นไปค่ะ

จากนั้นมาเขียนคิ้ว สไตล์เกาหลีกันค่ะ
คิ้วของชอนซงอีนั้น จะดูธรรมชาติมาก นางสวย นางเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
ส่วนของเรา ไม่มีมาอย่างนางจึงต้องเสกกันบ้าง
เสกกันง่ายๆด้วย มาสคาร่าปัดคิ้ว ของ maybelline และแปรงปัดคิ้วธรรมดาๆนี้แหละค่ะ






เทคนิคของนิคือ ใช้แปรงเขียนคิ้ว จิ้มมาสคาร่าจากที่ปัดขึ้นมา (คิดซะว่าเป็นแบบเจล)
ค่อยๆปัดไปตามทรงคิ้วค่ะ วิธีนี้จะทำให้คิ้วเราดูธรรมชาติ และติดทนมากด้วยค่ะ






จากนั้นก็ปัดคิ้วทับด้วยมาสคาร่าปัดคิ้วค่ะ
แล้วก็เก็บรายละเอียดรอบๆให้เป๊ะด้วย ปากกาไฮไลท์ ysl





 ป้ายตามแนวขอบคิ้ว แล้วใช้นิ้วเบลนให้กลืนกับผิว จะทำให้เห็นทรงคิ้วชัดขึ้นค่ะ

เสร็จแล้วก็ใช้ปากกาไฮไลท์มาไลท์ตามจุดต่างๆบนใบหน้าแบบนี้นะคะ
เรียกว่าวิธีหน้าแมวค่ะ จะทำให้หน้าดูมิติมากขึ้น จากนั้นก็ให้ใช้บรอนเซอร์ปัดบริเวณกรามค่ะ


เสร็จแล้วก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ


จากนั้นใช้ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น มาไล้ตามสันจมูกและหัวคิ้ว เบลนให้ดูฟุ้งๆนวลๆ
ทำให้เรามีดั้ง แบบ ธรรมชาติ(ลงโทษ) ...
 ไล้บริเวณดังรูปเลยค่ะ





ทำดั้งเสร็จขึ้นเขียงทำตากันต่อค่ะ
ขั้นแรกทาเปลือกตาด้วย สีครีมแบบแมท (foxy-Naked 2) ทาให้ทั้วเปลือกตา
จากนั้นคัดเบ้าเบาๆด้วย สีส้มเหลือบทอง (copper-Naked 2)






เนื่องจากลุคชอนซงอีลุคนี้คือ นางธรรมชาติมากก จึงต้องกรีดตาแบบกระจุ๋มกระจิ๋ม พอเป็นพิธีค่ะ

กรีดไลน์เนอร์ให้ชิดขอบตามากที่สุด ดังรูปเลยค่ะ





สิ่งสำคัญของนางเอกเกาหลีที่แต่งตาแบบธรรมชาติ นั้นคือขนตาค่ะ พวกนางจะไม่เล่นสีที่ตามาก
แต่ขนตาต้องมาค่ะ และต้องมาแบบไม่พึ่งขนตาปลอม ฉะนั้นเราก็ต้องมางัดสิ่งที่มีอยู่
และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือดัดขนตาให้งอน และปัดมาสคาร่าให้เด้งค่ะ

 ปัดขนตา บน และล่าง อย่างละ 2 ครั้งค่ะ





จากนั้นเราจะทำให้ตาดูตื่นด้วยการไฮไลท์หัวตา ด้วยสีขาวมุข
จากนั้นเขียนขอบตาล่างด้วยดินอายไลน์เนอร์แบบเจล สีน้ำตาลเข้มค่ะ







จากที่สังเกตุ ลุคของชอนซงอี จะไม่เน้นตาหรือแก้ม จะเน้นที่ปาก เด่นสุด
เพราะฉะนั้น อาจจะปัดหรือไม่ปัดบรัชออนก็ได้ค่ะ
แต่นิปัดด้วยสีพีชอ่อนๆ ที่กลางแก้มค่ะ 







แล้วก็มาถึงขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการฟาดสีปากค่ะ
จะเป็นชอนซงอี งานปากต้องมา ปากต้องสดใส สีต้องชมพูพีชๆสดใส











นิพยายามหาที่ใกล้เคียงนะคะ
หาได้ไม่ยากเลย คว้า Maybelline Bold Matte #1
มาฟาดเข้าไป ได้เรื่อง...









เนื่องจากอาจจะชมพูแมทไปหน่อย อยากปากวาวๆ ฉ่ำๆ ก็เลยทากลอส Etude สีส้ม ทับไปค่ะ
ออกมาประมาณนี้ สดใสมากๆ หน้าสว่างขึ้น 30 %




finish มาเป็น

ชะชะชะชะช ชอนซงอูม!!!!





นายว่าไงนะ?!! เอาไก่กับเบียร์มาเดี๋ยวนี้!!








xoxo



Review: Zoeva Brushes

สวัสดีค่ะ
กลับมากับการรีวิวอีกครั้งนะคะคราวนี้ :)

วันนี้เพิ่งมีพัสดุมาส่งที่บ้านค่ะ

เป็นของที่สั่งไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (จากเยอรมัน)
นั่นก็คือ แปรง ZOEVA ค่ะ

พอดีเห็น youtuber ท่านนึงใช้แปลงนี้ นิเลยเกิดความอยาก
ก็เลยสั่งมาลองนิดหน่อยค่ะ

คิดว่าหลายๆคนคงยังไม่ค่อยรู้จักกับแบรนด์นี้กัน แบรนด์นี้เป็นของประเทศ เยอรมันค่ะ
คือขายแปรงและ เครื่องสำอางด้วย (อารมณ์คล้ายๆ Sigmaนั่นแหละค่ะ)
แล้วก็แปรงราคาไม่แพงเลย แถมคุณภาพก็ยังโอเคอีกต่างหาก


กล่องพัสดุ แพคมาอย่างดี มีกันกระแทกค่ะ


เปิดกล่องแกะห่อออกมา



แปรงแต่ละด้ามที่สั่งมา (นิสั่งแยกด้ามมาค่ะ) ก็มีซองให้ด้วย
ซองเริ่ดมาก เอาไว้ใส่แปรงพกไปไหนมาไหนได้อีก :)

นิสั่งมาลองทั้งหมด 5 ชิ้นค่ะ รวมค่าส่งก็ตก 1700 บาท (แพงค่าส่ง =_=)


แปรงที่สั่งมาลองก็ได้แก่ 
(เรียงจากบนลงล่าง)

110 Face Shape 
จะบอกว่าชอบอันนี้มากกก เอามาทารองพื้น กับคอนซีลเลอร์ เนียนมากมาย ขนก็นุ่มนิ่ม แน่น
แต่ว่าบางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันเล็กไปหน่อย
แปรงของ Zoeva จะเป็น เส้นใยไฟเบอร์ค่ะ คล้ายๆ กันกับ Real Technique 

221 Luxe Soft Crease
ตัวนี้เอาไว้ใช้ blend eyeshadow ค่ะ เบลนสีได้ดีทีเดียว
เหมาะสำหรับคนตาเล็กๆอย่างเราๆค่ะ

142 Concealer Buffer
ตัวนี้ไว้ลงคอนซีลเลอร์ค่ะ มันเบลนคอนซีลเลอร์ได้เนียนทีเดียวค่ะ
คล้ายๆแปลงของ sigma ที่เป็นรุ่น คาบูกิ คอนซีลเลอร์ บรัช เลย

317 Wing Liner
ตัวนี้นิรู้สึกเฉยๆกับมันนะคะ มันออกจะอ่อนแอไปสักหน่อย ตอนนี้เลยเอามาใช้เขียนคิ้ว

315 Fine Liner
ตัวนี้ซื้อมาเพราะอยากลอง เอามาทาอายไลน์เนอร์
มันห็โอเคนะคะ จับถนัดดีเพราะมันมีองศาของมัน ใช้ได้ดีเลยสำหรับคนที่ชอบใช้เจลไลน์เนอร์ค่ะ






เป็นแปรงที่ใช้ดีมากในระดับนึงเลยค่ะ พอใจมาก และอยากซื้อมาเพิ่มอีก

ข้อดีอีกอย่างคือ ขนไม่ร่วง และ ล้างสีไม่ตกค่ะ

ตอนนี้เล็งแปรง ปัดแก้ม กับ แปรงปัดแป้งฝุ่นเอาไว้
แถมชุดที่เป็น rose gold ก็น่าสนอีกค่ะ

จะต้องตามไปสอยต่ออีกแน่ๆ

ก็ขอมารีวิวเอาไว้ เผื่อเพื่อนๆคนไหนกำลังตามหาแปรงแต่งหน้าราคาไม่แพงมากอยู่นะคะ
(ซื้อเป็น set จะถูกกว่านี้ 555 )
Zoeva  ส่งเร็ว บริการโอเคเลยค่ะ

ใครสนใจก็กดเข้าไปดูได้ที่

https://www.zoeva-shop.de/

เลือกเมนูภาษาอังกฤษนะคะ ^^





disclaimer : ซื้อเองค่ะ ^^

 photo s_03.jpg  photo s_04.jpg  photo s_05.jpg  photo s_06.jpg  photo s_07.jpg  photo s_08.jpg  photo s_09.jpg  photo s_10.jpg